![](http://businessofsiam.com/wp-content/uploads/2023/05/PSX_20230502_065607.jpg)
มงคลกิตติ์’ ปลื้ม ‘นโยบายเงินผดุงเกียรติทหารผ่านศึก’ โดนใจประชาชนและบรรดาทหารผ่านศึก ชี้เป็นเงื่อนไขสำคัญถ้าอยากให้ ‘ไทยศรีวิไลย์’ เข้าร่วมรัฐบาล พร้อมอ้อนขอให้เลือก ‘ทั้งคนทั้งพรรค’ เพื่อต้องการความคล่องตัวในการผลักดันนโยบายที่ได้หาเสียงให้เกิดขึ้นจริง ย้ำหากเป็นนายกฯ พร้อมลงนามรับรองร่างกฎหมายเงินผดุงเกียรติฯ ทันที.
![](http://businessofsiam.com/wp-content/uploads/2023/05/PSX_20230502_065635.jpg)
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงกระแสตอบรับของนโยบายเงินผดุงเกียรติทหารผ่านศึก 3,000 บาทต่อเดือนว่า ถือได้ว่าเป็นนโยบายแรกๆ ที่ประชาชนนึกถึงและโดนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบรรดาทหารผ่านศึกทั้งประเทศ เพราะเป็นเรื่องที่บรรดาทหารผ่านศึกเรียกร้องมานาน และตนได้มีการดำเนินการสานต่อ จนกระทั่ง กฎหมายฉบับนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนของทางรัฐบาลพิจารณาอยู่ เนื่องจากเป็นกฎหมายทางการเงิน จึงจำเป็นจะต้องมีคำรับร้องของนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะให้ทางสภาเป็นผู้พิจารณาต่อไป ดังนั้น จึงต้องวัดใจว่าที่นายกรัฐมนตรีภายหลังจากการเลือกตั้งครั้งนี้ว่าจะเอาอย่างไร เพราะก่อนที่จะมีการยุบสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีฯ ก็ไม่กล้าที่จะปัดตก เพราะเนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ เอง ก็เป็นนายทหารที่มีทหารผ่านศึก อยู่ภายใต้บังคับบัญชาจำนวนมาก ซึ่งหากจะปัดตกก็ดูจะใจจืดใจดำกับบรรดาลูกน้องเกินไป แต่ถ้าจะอนุมัติไปเลยก็ทำไม่ได้ เพราะอย่างที่ตนย้ำไปแล้วว่า ขณะนี้ ประเทศไทยมีหนี้สาธารณะ 10.8 ล้านล้านบาท ส่วนหนี้ครัวเรือนมีทั้งหมด 15 ล้านล้านบาท จึงทำให้ปัจจุบันนี้ รัฐบาลไม่สามารถกู้เงินเพื่อมาทำอะไรได้อีกแล้ว.
![](http://businessofsiam.com/wp-content/uploads/2023/05/PSX_20230502_065646.jpg)
เพราะฉะนั้น ตนเห็นว่า คนที่เริ่มต้นในการดำเนินการมาแล้ว ก็ต้องสานต่อให้สำเร็จ ซึ่งตนและพรรคไทยศรีวิไลย์เริ่มต้น กฎหมายเกี่ยวกับ พรบ.เงินผดุงเกียรติทหารผ่านศึก จึงต้องขอเสียงจากประชาชนที่ต้องการให้ทหารผ่านศึกได้ชีวิตอยู่สมศักดิ์ศรีชายชาติทหารอย่างภาคภูมิใจ ช่วยกันสนับสนุนตนและผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยศรีวิไลย์ทั้ง 2 ระบบ ในการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ โดยอย่างน้อยที่สุด ตนต้องการให้มีเสียงในสภาเพียงพอที่จะทำงานได้คล่องตัวเพื่อผลักดันนโยบายต่างๆ ที่หาเสียง ให้เกิดขึ้นจริง ในสภาชุดต่อไป หรือถ้าได้รับโอกาสจากประชาชนเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็จะสามารถปลดล็อคข้อจำกัดได้ทันที โดยจะให้คำรับรองกฎหมายเงินผดุงเกียรติได้ทันที โดยไม่ต้องไปร้องขอหรืออ้อนวอนคนอื่นที่เป็นนายกฯ ให้คำรับรองอีกด้วย.
![](http://businessofsiam.com/wp-content/uploads/2023/05/PSX_20230502_065623.jpg)
“ผมไปหาเสียงที่ไหนก็มีแต่คนสนับสนุนนโยบายเงินผดุงเกียรติให้กับทหารผ่านศึก โดยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมไป ที่โรงเรียนหนองแสงเจริญพัฒนา บ้านหนองแสง ตำบลโพนงาม อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี พร้อมกับ นางสาวภคอร จันทรคณา รองหัวหน้าพรรคฯ พล.ต.บุญเลิศ แก้วนพรัตน์ ประธานยุทธศาสตร์ด้านทหารผ่านศึก พรรคไทยศรีวิไลย์ ทพ. (ทหารผ่านศึก) ทหารพราน อิสระพงศ์ ณ เชียงใหม่ ประธานกลุ่มพี่น้องเพื่อนนักรบไทยทุกหมู่เหล่า-ทหารพราน อนุรักษ์ ชอบสะอาด ประธานยุทธศาสตร์ด้านกฏหมายกลุ่มพี่น้องเพื่อนนักรบไทยทุกหมู่เหล่า พร้อมกับ ได้เข้าพบและแนะนำผู้สมัครของพรรคไทยศรีวิไลย์ กับ ทหารผ่านศึก โดยผมได้อธิบายชี้แจงว่า ร่างแก้ไขพระราชบัญญัติองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก พ.ศ…. ที่เสนอยังคงค้างไว้ที่โต๊ะนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคไทยศรีวิไลย์ จะถือเป็นนโยบายสำคัญของพรรค ที่จะต้องผลักดัน ให้สำเร็จไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล โดยที่พรรคจะใช้เป็นข้อต่อรองในการจะเข้าร่วมรัฐบาล ซึ่งจะต้องนำตรากฎหมายฉบับนี้เข้าเป็นมติ ครม. เพื่อออกเป็น พระราชกำหนด ให้มีการเร่งดำเนินการให้ใช้เป็นกฎหมายบังคับได้ทันที เพื่อเป็นการช่วยเหลือทหารผ่านศึก ภายใน ส.ค.2566 ที่ไม่ได้รับการเหลียวแล เป็นเงินจำนวน 3,000 บาทต่อคนต่อเดือน ซึ่งหากกฎหมายผ่านจะใช้งบประมาณ ปีละ 9,600 ล้านบาท เพื่อเป็นสวัสดิการเงินผดุงเกียรติทหารผ่านศึกทั่วประเทศต่อไป เพราะที่ผ่านมาจะดูแลแต่ทหารผ่านศึกประเภท 1 คือทหารผ่านศึกพิการ ส่วนประเภท 2-3-4 ไม่ได้รับการเหลียวแล ซึ่งพรรคถือเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก หากเรื่องนี้ไม่ได้รับการตอบสนองจาก พรรคที่จะเป็นรัฐบาล ทางพรรค ก็จะไม่เข้าร่วมเป็นรัฐบาล เพราะถือเป็นเรื่องที่ทางพรรคได้ทำเป็นนโยบายและมีเสียงตอบรับจากคนทั้งประเทศแล้ว อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องการให้พี่น้องทหารผ่านศึกทั่วประเทศ ได้รับเงินผดุงเกียรติอย่างแน่นอนแล้ว ผมก็จะขอวิงวอนให้เลือกพรรคไทยศรีวิไลย์ หมายเลข 42 ในบัตรสีเขียว และ 35 จังหวัดที่พรรคไทยศรีวิไลย์ ส่ง ส.ส.เขตนั้น ผมก็ขอให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนจำเบอร์ผู้สมัคร ส.ส.เขตให้ดี และขอให้เลือกในบัตรสีม่วง ซึ่งผมเชื่อว่า หากประชาชนสนับสนุนมากพอ จนทำให้ผมมีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ทุกนโยบายที่ผมและพรรคไทยศรีวิไลย์หาเสียงไว้ ก็จะสามารถทำได้จริงโดยเร็วแน่นอน” นายมงคลกิตติ์กล่าว