กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) โชว์ผลการจัด 3 กิจกรรมใหญ่ ส่งเสริมการตลาดให้สินค้า บริการ และ Soft Power ไทย ประสบความสำเร็จตามเป้า ทั้งการจัดงาน Ignite Thailand Festival ที่ไทม์ สแควร์ เปิดตลาดมวยไทย ที่อาร์เจนตินา และการจัดแฟร์ใหญ่ ขายเครื่องปรับอากาศ เครื่องทำความเย็น และดิจิทัล คอนเทนต์
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า กรมได้จัดกิจกรรมส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์สินค้าไทยในรูปแบบใหม่ ผลักดัน Soft Power ไทย และจัดงานแสดงสินค้า เพื่อเปิดตลาดให้กับสินค้าไทย ในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย.2567 จำนวน 3 กิจกรรมสำคัญ เริ่มจากการจัดงาน Ignite Thailand Festival : Think Thailand, Next Level ที่บริเวณ 46-47 Broadway Plaza & Duffy Square, Times Square เพื่อโปรโมตแบรนด์อาหาร แฟชั่น และ Soft Power ไทย ให้นักท่องเที่ยวและผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ ได้รู้จัก ซึ่งประสบความสำเร็จ สินค้าไทยเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ และนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่สหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น และจากการจัดงานครั้งนี้จะมีคนเข้าถึงกิจกรรมทั้งออนไลน์และออฟไลน์ จำนวนมากกว่า 20 ล้านอิมเพรสชัน
โดยการจัดงานครั้งนี้ มีการจัดแสดงคูหาสินค้าไทย รวม 19 คูหา ประกอบด้วยสินค้าอาหาร อาทิ มาม่า ซีอิ๊วขาวตราเด็กสมบูรณ์ กะทิชาวเกาะ และอำพลฟู้ดส์ ไอศกรีมที่ทำจากผลไม้แช่แข็ง สินค้าแฟชัน 2 แบรนด์ คือ Future treasure (www.futuretreasureny.com) และ Nakamol มีคูหาร้านอาหารไทยที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT จำนวน 9 ร้าน ได้แก่ ร้าน Mai Kaidee ร้าน Na Rath ร้าน Zabb Putawn ร้าน Pinto Garden ร้าน Sky Ice ร้าน Charoen Krung ร้าน Khaosan ร้าน Pata Paplean ร้าน GOOG และ
มีคูหา TOPTHAI x Amazon คูหาแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย 2 คูหา คือ เพนท์ร่ม และคูหาถ่ายภาพชุดไทย คูหาทีมประเทศไทย 1 คูหา
ส่วนอีกกิจกรรม ได้มอบหมายให้นางสาวณัฐิยา สุจินดา รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นำคณะผู้ประกอบการไทยจำนวน 5 บริษัท เดินทางเยือนประเทศอาร์เจนตินา ระหว่างวันที่ 28 สิงหาคม -3 กันยายน 2567 เพื่อขยายโอกาสทางการค้าของธุรกิจมวยไทยและสินค้าที่เกี่ยวข้องสู่ตลาดลาตินอเมริกา สร้างกระแสความนิยมและยกระดับภาพลักษณ์ Soft Power มวยไทยให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคอาร์เจนตินาและภูมิภาคลาตินอเมริกา และเพิ่มช่องทางการค้าและการลงทุนในประเทศอาร์เจนตินา โดยได้พบและหารือกับนายปาโบล ลาวีญ (Mr.Pablo Lavigne) ปลัดกระทรวงเศรษฐกิจ อาร์เจนตินา และ ดร.แคโรไลน่า เกวนก้า ผู้อำนวยการการค้าต่างประเทศ กระทรวงเศรษฐกิจอาร์เจนตินา (Dr.Carolina Cuenca, National Director of External Commerce) ซึ่งทั้งสองฝ่ายแสดงความตั้งใจร่วมกันที่จะขยายมูลค่าการค้าระหว่างกันให้เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงหารือความเป็นไปได้ในการลดอุปสรรคทางการค้าต่าง ๆ ในปัจจุบัน ทั้งทางด้านภาษีการนำเข้าสินค้า รวมไปถึงการหารือโอกาสในการนำเข้าสินค้าศักยภาพที่สำคัญจากอาร์เจนตินา เช่น ถั่วเหลือง เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าของไทย
นอกจากนี้ กรมได้จัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจการค้า (Business Matching) ระหว่างผู้ประกอบการสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจมวยไทย และผู้นำเข้าและนักธุรกิจอาร์เจนตินาและอุรุกวัย รวมจำนวน 40 คู่เจรจา เพื่อเดินหน้าเปิดตลาดธุรกิจมวยไทย ซึ่งเป็นหนึ่งอุตสาหกรรมเป้าหมาย Soft Power ของประเทศไทยในตลาดลาตินอเมริกา โดยได้รับความสนใจเข้ามาเจรจาธุรกิจกันเป็นจำนวนมาก และคาดว่าจะมีมูลค่าทางการค้าภายใน 1 ปี ไม่ต่ำกว่า 8.2 ล้านบาท
“มวยไทยเป็นกีฬาที่มีความโดดเด่นและมีอัตลักษณ์ความเป็นไทยที่ชัดเจน และได้รับความนิยมไปทั่วโลก รวมถึงในอาร์เจนตินา ซึ่งมีความนิยมมวยไทยทั้งในรูปแบบกีฬา และกิจกรรมสันทนาการ จากจำนวนค่ายมวย และยิมออกกำลังที่มีการนำมวยไทยไปใช้ในคลาสต่าง ๆ มากถึง 120 แห่งทั่วประเทศอาร์เจนตินา และมีผู้ฝึกมวยไทยควบคู่กับศิลปะการต่อสู่แบบอื่น ๆ อาทิ MMA, Kick Boxing และ Boxing เพิ่มขึ้นรวมเป็นจำนวนมากกว่า 7,000 ราย ดังนั้น การสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการในธุรกิจมวยไทยในครั้งนี้ ทั้งกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจการค้า และการหารือกับสมาคมการค้าต่าง ๆ จะเป็นก้าวที่สำคัญที่นำไปสู่การเปิดตลาดให้กับธุรกิจมวยไทยอย่างเป็นรูปธรรม”
นายภูสิตกล่าวว่า คณะที่เดินทางไปครั้งนี้ ยังได้ใช้โอกาสในการหารือกับสมาคมการค้า ผู้นำเข้า และนักธุรกิจที่สำคัญของอาร์เจนตินา จำนวนกว่า 10 สมาคม/บริษัท โดยได้หารือเกี่ยวกับโอกาสทางการค้าสำหรับสินค้าศักยภาพอื่นๆ ของไทยในตลาดอาร์เจนตินา อาทิ สินค้าอุตสาหกรรม และสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น ซึ่งจากการหารือทำให้ทราบว่า ถึงแม้ว่าอาร์เจนตินาจะอยู่ระหว่างการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และการบริหารจัดการกับปัญหาเงินเฟ้อภายในประเทศ แต่ผู้นำเข้าอาร์เจนตินายังให้ความสนใจสินค้าจากประเทศไทยอยู่อีกมาก อีกทั้งยังมีความต้องการนำเข้าสินค้าที่เป็นวัสดุหรือส่วนประกอบในการผลิตทางอุตสาหกรรมจากไทย รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภค ทั้งรถยนต์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องสำอางและเครื่องนุ่มห่ม
ทั้งนี้ ผู้นำเข้าอาร์เจนตินาหลายราย แจ้งว่า ให้ความสนใจกับสินค้าเครื่องทำความเย็น และสินค้าอาหารและเครื่องดื่มจากประเทศไทย ซึ่งจะได้เดินทางมาเยี่ยมชมงาน Bangkok RHVAC 2024 ในช่วงต้นเดือนกันยาคม ณ ประเทศไทย ต่อไป รวมถึงจะได้หารือโอกาสในการทำการตลาดสินค้าอาหารและเครื่องดื่มจากไทยผ่านช่องทาง E-Commerce ที่เป็นที่รู้จักในอาร์เจนตินา เพื่อขยายช่องทางทางการตลาดให้เข้าถึงผู้บริโภคอาร์เจนตินาในวงกว้างด้วย
ในการเดินทางไปครั้งนี้ กรมยังได้จัดงาน Muay Thai Festival ขึ้นเป็นครั้งแรก ที่กรุงบัวโนสไอเรส เพื่อเปิดตลาดมวยไทย โดยภายในงานได้มีการนำธุรกิจมวยไทยมาแสดงศักยภาพอย่างเต็มระบบ ทั้งการนำรถถัง จิตรเมืองนนท์มาร่วมในงาน การจัดแข่งขันชกมวยไทยจำนวน 4 คู่ การเดินแบบสินค้าที่เกี่ยวกับมวยไทย ทั้งเสื้อผ้า นวม อุปกรณ์มวยต่างๆ รวมถึงการนำเสนอเมนูอาหารไทยที่มีชื่อเสียง อาทิ ผัดไทย เพื่อให้แขกระดับสูง และนักธุรกิจชาวอาร์เจนตินาที่เข้าร่วมงานได้รับประสบการณ์ความเป็นมวยไทยจากประเทศไทยอย่างครบวงจร ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาต่อยอดเครือข่ายทางธุรกิจ เพื่อขับเคลื่อนให้สินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับมวยไทยสามารถสร้างโอกาสทางการตลาดในต่างประเทศ และนำมาสู่การสร้างรายได้ให้ประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป
นางสาวณัฐิยา กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมยังได้จัดงานแสดงสินค้าเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น 2567 (Bangkok RHVAC 2024) และงานแสดงสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 2567 (Bangkok E&E 2024) ระหว่างวันที่ 4-7 กันยายน 2567 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค มีผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างประเทศเข้าร่วม 316 ราย 807 คูหา โดยได้รับผลการตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งผู้ประกอบการไทย และผู้ซื้อ/ผู้นำเข้า/นักธุรกิจชาวต่างประเทศที่เดินทางมาเข้าเยี่ยมชมงานตลอด 4 วันของการจัดงาน รวม 9,121 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.95 จากการจัดงานครั้งที่ผ่านมา (ปี 2565) รวมชาวไทยและชาวต่างประเทศ จาก 51 ประเทศ ที่สำคัญ ได้แก่ จีน อินเดีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เวียดนาม ไต้หวัน เมียนมา เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย และสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศเป็นมูลค่าการสั่งซื้อรวมทั้งสิ้นกว่า 4,134 ล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าการสั่งซื้อทันทีกว่า 34 ล้านบาท และคาดการณ์มูลค่าการสั่งซื้อภายใน 1 ปี 4,100 ล้านบาท
ส่วนอีกงาน คือ Bangkok International Digital Content Festival (BIDC) ที่เป็นเทศกาลหลักทางด้านดิจิทัลคอนเทนต์เดียวและยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2557 มีกำหนดการจัดงานเป็นประจำทุกปี ในปีนี้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 6 – 7 สิงหาคม 2567 ณ โรงแรมแมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค โดยการผนึกความร่วมมือแบบบูรณาการของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ประกอบด้วย หน่วยงานภาครัฐ 4 หน่วยงาน และ 5 สมาคมด้านดิจิทัลคอนเทนต์ ผู้ประกอบการไทย 73 ราย กลุ่มเกม แอนิเมชัน คาแรคเตอร์ อีเลิร์นนิง ต่างชาติ 42 ราย จาก 10 ตลาดเป้าหมาย ได้แก่ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ จีน ไต้หวัน ฮ่องกง มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จำนวนครั้งของเจรจา 649 ครั้ง มูลค่าการเจรจาการค้ารวม 1,195.43 ล้านบาทสูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ แบ่งเป็นสั่งซื้อทันที 4.08 ล้านบาท สั่งซื้อภายใน 1 ปี 377.55 ล้านบาท สินค้าที่ได้รับความสนใจ ได้แก่ Animation Outsourcing Service, Character Licensing และ Character Design และงานอีก 1 งานที่จัดคู่ขนานกัน คือ งาน Thai Game Craft 2024 ร่วมกับคณะอนุกรรมการ SF เกม สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เกมไทย (TGA) และสมาคมบอร์ดเกมประเทศไทย เมื่อวันที่ 7-8 สิงหาคม 2567 ณ สเฟียร์ฮอลล์ ชั้น 5 ห้างสรรพสินค้า Emsphere มีผู้ประกอบการเกมและธุรกิจที่เกี่ยวข้องของไทย ร่วมจัดแสดงผลงานกว่า 42 ราย ได้แก่ เกม บอร์ดเกม อีสปอร์ต และอาร์ตทอย มีนักธุรกิจ นักลงทุน ผู้ประกอบการและผู้สนใจเข้าร่วมกว่า 1,069 ราย คาดว่าจะมีมูลค่าการเจรจาการค้ากว่า 42 ล้านบาท ภายใน 5 ปี