มงคลกิตติ์’ ปลื้ม ‘นโยบายเงินผดุงเกียรติทหารผ่านศึก’ โดนใจประชาชนและบรรดาทหารผ่านศึก ชี้เป็นเงื่อนไขสำคัญถ้าอยากให้ ‘ไทยศรีวิไลย์’ เข้าร่วมรัฐบาล พร้อมอ้อนขอให้เลือก ‘ทั้งคนทั้งพรรค’ เพื่อต้องการความคล่องตัวในการผลักดันนโยบายที่ได้หาเสียงให้เกิดขึ้นจริง ย้ำหากเป็นนายกฯ พร้อมลงนามรับรองร่างกฎหมายเงินผดุงเกียรติฯ ทันที.
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงกระแสตอบรับของนโยบายเงินผดุงเกียรติทหารผ่านศึก 3,000 บาทต่อเดือนว่า ถือได้ว่าเป็นนโยบายแรกๆ ที่ประชาชนนึกถึงและโดนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบรรดาทหารผ่านศึกทั้งประเทศ เพราะเป็นเรื่องที่บรรดาทหารผ่านศึกเรียกร้องมานาน และตนได้มีการดำเนินการสานต่อ จนกระทั่ง กฎหมายฉบับนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนของทางรัฐบาลพิจารณาอยู่ เนื่องจากเป็นกฎหมายทางการเงิน จึงจำเป็นจะต้องมีคำรับร้องของนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะให้ทางสภาเป็นผู้พิจารณาต่อไป ดังนั้น จึงต้องวัดใจว่าที่นายกรัฐมนตรีภายหลังจากการเลือกตั้งครั้งนี้ว่าจะเอาอย่างไร เพราะก่อนที่จะมีการยุบสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีฯ ก็ไม่กล้าที่จะปัดตก เพราะเนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ เอง ก็เป็นนายทหารที่มีทหารผ่านศึก อยู่ภายใต้บังคับบัญชาจำนวนมาก ซึ่งหากจะปัดตกก็ดูจะใจจืดใจดำกับบรรดาลูกน้องเกินไป แต่ถ้าจะอนุมัติไปเลยก็ทำไม่ได้ เพราะอย่างที่ตนย้ำไปแล้วว่า ขณะนี้ ประเทศไทยมีหนี้สาธารณะ 10.8 ล้านล้านบาท ส่วนหนี้ครัวเรือนมีทั้งหมด 15 ล้านล้านบาท จึงทำให้ปัจจุบันนี้ รัฐบาลไม่สามารถกู้เงินเพื่อมาทำอะไรได้อีกแล้ว.
เพราะฉะนั้น ตนเห็นว่า คนที่เริ่มต้นในการดำเนินการมาแล้ว ก็ต้องสานต่อให้สำเร็จ ซึ่งตนและพรรคไทยศรีวิไลย์เริ่มต้น กฎหมายเกี่ยวกับ พรบ.เงินผดุงเกียรติทหารผ่านศึก จึงต้องขอเสียงจากประชาชนที่ต้องการให้ทหารผ่านศึกได้ชีวิตอยู่สมศักดิ์ศรีชายชาติทหารอย่างภาคภูมิใจ ช่วยกันสนับสนุนตนและผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยศรีวิไลย์ทั้ง 2 ระบบ ในการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ โดยอย่างน้อยที่สุด ตนต้องการให้มีเสียงในสภาเพียงพอที่จะทำงานได้คล่องตัวเพื่อผลักดันนโยบายต่างๆ ที่หาเสียง ให้เกิดขึ้นจริง ในสภาชุดต่อไป หรือถ้าได้รับโอกาสจากประชาชนเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็จะสามารถปลดล็อคข้อจำกัดได้ทันที โดยจะให้คำรับรองกฎหมายเงินผดุงเกียรติได้ทันที โดยไม่ต้องไปร้องขอหรืออ้อนวอนคนอื่นที่เป็นนายกฯ ให้คำรับรองอีกด้วย.
“ผมไปหาเสียงที่ไหนก็มีแต่คนสนับสนุนนโยบายเงินผดุงเกียรติให้กับทหารผ่านศึก โดยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมไป ที่โรงเรียนหนองแสงเจริญพัฒนา บ้านหนองแสง ตำบลโพนงาม อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี พร้อมกับ นางสาวภคอร จันทรคณา รองหัวหน้าพรรคฯ พล.ต.บุญเลิศ แก้วนพรัตน์ ประธานยุทธศาสตร์ด้านทหารผ่านศึก พรรคไทยศรีวิไลย์ ทพ. (ทหารผ่านศึก) ทหารพราน อิสระพงศ์ ณ เชียงใหม่ ประธานกลุ่มพี่น้องเพื่อนนักรบไทยทุกหมู่เหล่า-ทหารพราน อนุรักษ์ ชอบสะอาด ประธานยุทธศาสตร์ด้านกฏหมายกลุ่มพี่น้องเพื่อนนักรบไทยทุกหมู่เหล่า พร้อมกับ ได้เข้าพบและแนะนำผู้สมัครของพรรคไทยศรีวิไลย์ กับ ทหารผ่านศึก โดยผมได้อธิบายชี้แจงว่า ร่างแก้ไขพระราชบัญญัติองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก พ.ศ…. ที่เสนอยังคงค้างไว้ที่โต๊ะนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคไทยศรีวิไลย์ จะถือเป็นนโยบายสำคัญของพรรค ที่จะต้องผลักดัน ให้สำเร็จไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล โดยที่พรรคจะใช้เป็นข้อต่อรองในการจะเข้าร่วมรัฐบาล ซึ่งจะต้องนำตรากฎหมายฉบับนี้เข้าเป็นมติ ครม. เพื่อออกเป็น พระราชกำหนด ให้มีการเร่งดำเนินการให้ใช้เป็นกฎหมายบังคับได้ทันที เพื่อเป็นการช่วยเหลือทหารผ่านศึก ภายใน ส.ค.2566 ที่ไม่ได้รับการเหลียวแล เป็นเงินจำนวน 3,000 บาทต่อคนต่อเดือน ซึ่งหากกฎหมายผ่านจะใช้งบประมาณ ปีละ 9,600 ล้านบาท เพื่อเป็นสวัสดิการเงินผดุงเกียรติทหารผ่านศึกทั่วประเทศต่อไป เพราะที่ผ่านมาจะดูแลแต่ทหารผ่านศึกประเภท 1 คือทหารผ่านศึกพิการ ส่วนประเภท 2-3-4 ไม่ได้รับการเหลียวแล ซึ่งพรรคถือเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก หากเรื่องนี้ไม่ได้รับการตอบสนองจาก พรรคที่จะเป็นรัฐบาล ทางพรรค ก็จะไม่เข้าร่วมเป็นรัฐบาล เพราะถือเป็นเรื่องที่ทางพรรคได้ทำเป็นนโยบายและมีเสียงตอบรับจากคนทั้งประเทศแล้ว อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องการให้พี่น้องทหารผ่านศึกทั่วประเทศ ได้รับเงินผดุงเกียรติอย่างแน่นอนแล้ว ผมก็จะขอวิงวอนให้เลือกพรรคไทยศรีวิไลย์ หมายเลข 42 ในบัตรสีเขียว และ 35 จังหวัดที่พรรคไทยศรีวิไลย์ ส่ง ส.ส.เขตนั้น ผมก็ขอให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนจำเบอร์ผู้สมัคร ส.ส.เขตให้ดี และขอให้เลือกในบัตรสีม่วง ซึ่งผมเชื่อว่า หากประชาชนสนับสนุนมากพอ จนทำให้ผมมีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ทุกนโยบายที่ผมและพรรคไทยศรีวิไลย์หาเสียงไว้ ก็จะสามารถทำได้จริงโดยเร็วแน่นอน” นายมงคลกิตติ์กล่าว