บี.กริม ประกาศแต่งตั้ง “กิตติ พัฒนลีนะกุล” ดำรงตำแหน่ง ประธานกลุ่มธุรกิจ บี.กริม อุตสาหกรรม คนใหม่

บี.กริม ประกาศแต่งตั้ง คุณกิตติ พัฒนลีนะกุล ดำรงตำแหน่ง ประธานกลุ่มธุรกิจ บี.กริม อุตสาหกรรม คนใหม่ แทน มร.ฟาบริส กู๊ดช์แมน ที่ลงจากตำแหน่งไปเมื่อเดือนกันยายน 2565 เพื่อเข้ามาดูแลและขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจ บี.กริม อุตสาหกรรม ซึ่งครอบคลุม 4 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย ด้านระบบทำความเย็น (Cooling), ด้านผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง (Building Materials), ด้านอุปกรณ์พลังงาน (Energy Equipment) และด้านคมนาคม (Transportation) รวม 13 บริษัท เพื่อสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน

ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม เปิดเผยว่า คุณกิตติ เป็นผู้คร่ำหวอดบนเส้นทางสายพัฒนาธุรกิจ และอุตสาหกรรมมายาวนานกว่า 30 ปี ซึ่งกลุ่มธุรกิจ บี.กริม อุตสาหกรรม เป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจของ บี.กริม ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง และได้วางเป้าหมายขยายกลุ่มธุรกิจ บี.กริม อุตสาหกรรม ให้เติบโตไปทั่วโลก โดยการผนึกพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว พร้อมสร้างคุณค่าสู่สังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ซึ่งเชื่อมั่นว่าภายใต้การนำทัพของ คุณกิตติ พัฒนลีนะกุล ผู้เปี่ยมด้วยประสบการณ์ และความสามารถ จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการนำกลุ่มธุรกิจนี้ไปสู่เป้าหมายที่วางไว้

“คุณกิตติ เป็นผู้มีประสบการณ์ในด้านพัฒนาธุรกิจให้กับเอสซีจี (SCG) มาอย่างยาวนาน จากความความสำเร็จต่างๆ ที่ผ่านมา จะมาสู่การต่อยอดกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมของ บี.กริม ได้เป็นอย่างดี” ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าว.

นายกิตติ พัฒนลีนะกุล ประธานกลุ่มธุรกิจ บี.กริม อุตสาหกรรม กล่าวว่า ทิศทางการขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจ บี.กริม อุตสาหกรรม จากนี้ จะมุ่งสร้างความร่วมมือภายในองค์กร ภายใต้ยุทธศาสตร์ สร้าง Synergy ภายในบี.กริม โดยนำจุดแข็งและนวัตกรรมของแต่ละธุรกิจมาทำงานประสานกันแบบไร้รอยต่อ เพื่อส่งมอบเป็นโซลูชันใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละโครงการให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นด้านการจัดการพลังงานให้มีประสิทธิภาพเพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่สูงขึ้น ด้านการสร้างคุณภาพความเป็นอยู่ที่ดีแก่ผู้ใช้งานอาคารพาณิชย์ โรงงาน และนิคมอุตสาหกรรมในสภาวะที่มีการระบาดของโควิด-19 รวมถึงด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ เป็นต้น

นอกจากเรื่อง Synergy ภายในธุรกิจเดิมที่ บี.กริม มีอยู่แล้ว ยังตั้งเป้าพัฒนาใน 3 เรื่องหลัก เพื่อตอบรับกับความต้องการในยุคดิจิทัล ประกอบด้วย 1. ด้านนวัตกรรม (Innovation) โดยร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในการพัฒนาเทคโนโลยีหรือนำนวัตกรรมมาใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของ บี.กริม 2. ด้าน Digitalization นำข้อมูลต่างๆ เก็บรวมรวบเป็น Big Data และนำข้อมูลมาวิเคราะห์และใช้งานด้วย AI ซึ่งจะช่วยให้การทำงานง่ายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยนวัตกรรมเหล่านี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของ บี.กริม ในการจัดการพลังงาน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ ลดเวลาบำรุงรักษา และป้องกันความเสียหายที่อาจทำให้แต่ละอุตสาหกรรมต้องหยุดการทำงานลง นอกจากนี้ ยังทำให้ บี.กริม เป็นผู้ให้บริการที่สามารถปรับเปลี่ยนโซลูชันให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย และ 3. ด้านการจัดการระบบแบบองค์รวม (System Integrator) มุ่งสู่การเป็น System Integrator หรือผู้ที่ประสานทุกระบบเข้าด้วยกันทั้งเก่าและใหม่ ให้สามารถทำงานร่วมกันเพื่อเป้าหมายในการจัดการพลังงานอย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพมากที่สุด พร้อมมอบคุณภาพความเป็นอยู่ที่ดีแก่ผู้ใช้งานอาคารพาณิชย์ โรงงาน และนิคมอุตสาหกรรม (Smart, Energy Optimization, and Well-being for Commercial & Industrial)

“ทั้งหมดนี้จะทำให้ บี.กริม สามารถสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้นผ่านเทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งทำให้อาคารหรือโรงงานของลูกค้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงาน สร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้ใช้งานอาคารหรือเจ้าของโรงงาน และส่งเสริมธุรกิจของลูกค้าให้เติบโตยิ่งขึ้นไปอีกด้วย” นายกิตติ กล่าว.

นายกิตติ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจ บี.กริม อุตสาหกรรม สามารถเติบโตได้ดี แม้ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ยอดขายกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมยังคงเติบโต และคาดว่าในปีหน้ายังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
โดยจุดแข็งหลักของกลุ่มธุรกิจ บี.กริม อุตสาหกรรม ประกอบด้วย 3 ด้าน ได้แก่ พันธมิตร กับบริษัทชั้นนำต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ช่องทางการตลาดและฐานลูกค้า ที่แข็งแกร่งและ ความหลากหลายของธุรกิจ ของ บี.กริม ที่สามารถสร้างความร่วมมือในรูปแบบต่างๆ ส่งเสริมซึ่งกันและกัน และสามารถสร้าง Synergy จากทั้งในบี.กริม และพันธมิตร

“จุดแข็งทั้งหมดนี้จะสร้างโอกาสให้ บี.กริม ก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยการพัฒนาโซลูชันใหม่ๆ เพื่อช่วยพัฒนาธุรกิจของคู่ค้าของเราให้เติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน” นายกิตติ กล่าว
ในส่วนของการขยายตลาดต่างประเทศ บี.กริม อุตสาหกรรม มีศักยภาพในการขยายการส่งออกอีกมากโดยจะร่วมมือกับพันธมิตรในต่างประเทศ ซึ่งการสร้างความร่วมมือที่ดีกับพันธมิตร หรือ Partnership ถือเป็น 1 ใน 4 ค่านิยมองค์กรที่ บี.กริม ยึดถือมาอย่างยาวนาน

นายกิตติ กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจ บี.กริม อุตสาหกรรม ตั้งใจจะเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในด้านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความเป็นอยู่และสุขภาพที่ดีให้แก่ลูกค้าในกลุ่ม อุตสาหกรรม อาคาร นิคมอุตสาหกรรมและสังคมประเทศไทย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการทำธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี ตามปรัชญาการดำเนินธุรกิจของ บี.กริม ที่ยึดมั่นมาตลอด 144 ปี

You May Also Like

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *