สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม แถลงข่าวความสำเร็จ “งานพัฒนาสิทธิประโยชน์และผลักดันให้เกิดขึ้นจริงเพื่อการประกอบการ” บูรณาการความร่วมมือเชื่อมโยงเครือข่ายภาครัฐและเอกชน ผลักดันสิทธิประโยชน์ผู้ประกอบการ เพิ่มผลิตภาพ/ลดต้นทุน ขยายช่องทางการตลาด และเชื่อมโยงแหล่งเงินทุน.
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) แถลงข่าวความสำเร็จ “งานพัฒนาสิทธิประโยชน์และผลักดันให้เกิดขึ้นจริงเพื่อการประกอบการ” ผ่านช่องทางออนไลน์ Facebook Fanpage สสว. โดยมีเครือข่ายสื่อมวลชนร่วมเผยแพร่การแถลงข่าวจาก สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม อาคารทีเอสที ถนนวิภาวดีรังสิต เขตจตุจักร กรุงเทพฯ.
นายวีระพงศ์ กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยด้วย มีผู้ประกอบการได้รับผลกระทบจากมาตรการต่างๆ ที่สืบเนื่องจากการระบาดเป็นจำนวนมาก รัฐบาลตระหนักถึงความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าไปช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ในยุค New Normal และ Next Normal.
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. ซึ่งมีพันธกิจในการบูรณาการ และผลักดันการส่งเสริม MSME ของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ MSME สามารถเติบโตและแข่งขันได้ในระดับสากล จึงได้สนองรับแนวทางของรัฐบาลด้วยการบูรณาการความร่วมมือและเชื่อมโยงเครือข่ายทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ในการส่งเสริมและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับ MSME ในมิติต่างๆ นำมาสู่ “งานพัฒนาสิทธิประโยชน์และผลักดันให้เกิดขึ้นจริงเพื่อการประกอบการ”
ผอ.สสว. กล่าวต่อว่า สสว. ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ หรือ MOU กับหน่วยงานพันธมิตร ร่วมกันการผลักดัน 3 เรื่องสำคัญให้แก่ผู้ประกอบการ ได้แก่ การขยายช่องทางการตลาด อาทิ Bank of China (Thai) PCL. ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด และบริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด การเพิ่มผลิตภาพ/ลดต้นทุน อาทิ บริษัท เทลสกอร์ จำกัด มูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย TikTok Pte Ltd. บริษัท เจนโทเซีย จำกัด บริษัท เฟเวอร์ลี่ จำกัด บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท อินโนเทค ลาบอราทอรี่ เซอร์วิส จำกัด บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) บริษัท สวัสดีช้อป จำกัด บริษัท คลาวดี เทเลคอม จำกัด และบริษัท ออฟฟิศเมท (ไทย) จำกัด และการเชื่อมโยงแหล่งเงินทุน อาทิ ธนาคารออมสิน ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
“สสว. และหน่วยงานพันธมิตรได้ร่วมมือกันใช้ศักยภาพความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ในการสนับสนุน ส่งเสริม ผู้ประกอบการทั้ง 3 ด้าน โดยมุ่งเป้าไปที่การแก้ไขปัญหาอุปสรรคให้แก่ผู้ประกอบการ พร้อมทั้งหนุนเสริมให้เกิดการพัฒนาให้ครบทุกด้าน โดยกิจกรรมเด่นในปีนี้ ได้แก่ การร่วมมือกับ Shopee จัดแคมเปญออนไลน์ “SME Hybrid Fair” มีผู้ประกอบการเข้าร่วมกว่า 2,000 ราย และร่วมกับ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด นำสินค้าที่มีตราสัญลักษณ์ “SME ชัวร์” วางจำหน่ายในกูร์เมต์ มาร์เก็ต และยังได้วางแผนต่อยอดความช่วยเหลือ โดยจะนำเสนอมาตรการ “ช็อป SME มีคืน” ต่อรัฐบาลภายในปีนี้ แนวคิดเบื้องต้นจะกำหนดให้ผู้ที่ซื้อสินค้า “SME ชัวร์” วงเงินไม่เกิน 10,000 บาท สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดและเตรียมประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะนำเสนอบอร์ดบริหาร สสว. และบอร์ดส่งเสริม สสว. ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป.
ทั้งนี้ ภาพรวมของ “งานพัฒนาสิทธิประโยชน์และผลักดันให้เกิดขึ้นจริงเพื่อการประกอบการ” จนถึงขณะนี้มีผู้ประกอบการได้รับการสนับสนุนด้านการขยายช่องทางการตลาด 4,675 ราย ด้านการเพิ่มผลิตภาพ/ลดต้นทุน 774 ราย การเชื่อมโยงแหล่งเงินทุน 38 ราย รวมทั้งสิ้น 5,487 ราย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจแล้วกว่า 686.49 ล้านบาท ทั้งนี้ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปที่สนใจ ยังสามารถลงทะเบียนเข้ารับบริการกับ สสว. ได้อย่างต่อเนื่อง ผ่านช่องทางออนไลน์ ที่ https://members.sme.go.th/newportal โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อรับข่าวสารและสิทธิประโยชน์ต่างๆ พร้อมเดินหน้าปรับตัวเข้าสู่ธุรกิจยุคใหม่ เป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ให้มีความเข้มแข็ง และเติบโต ได้อย่างยั่งยืนต่อไป” ผู้อำนวยการ สสว. กล่าว.