สิ้นสุดการรอคอย หลังจากหมายมั่นปั้นมือกับผลงานศิลปะดนตรีชิ้นใหญ่ด้วยการนำเอาศาสตร์ดนตรีที่ตัวเองชอบมาผสมผสาน ดนตรีไทย , อีดีเอ็ม , ร็อก และ ออเคสตร้า ซึ่งเป็นสี่ศาสตร์ที่ บอทแคช มักจะนำเสนอให้แฟนๆดู นำมาโปรดิวซ์อัลบั้มแรกในชีวิต “BEHIND THE SMILE”(บีไฮด์ เดอะ สไมล์) อัลบั้มที่ ศิลปิน /ดีเจ /โปรดิวเซอร์ “เอ้ BOTCASH” จะพาทุกคนไปรู้จักกับเบื้องหลังรอยยิ้มที่มัดใจคนเป็นล้านจากมุมลึกๆของอีก 9 ศิลปินผ่าน 7 บทเพลงที่แตกต่างอารมณ์ทั้งด้านความรู้สึกและดนตรีกัน
โดยล่าสุดพร้อมส่ง Show พิเศษ ที่ร้อยเรียงเพลงทั้งหมดในอัลบั้ม “BEHIND THE SMILE” เป็น 1 โชว์ ความยาว 17 นาทีออกมาเปิดตัวอัลบั้มชุดนี้แล้ว จากการรวม 7 เพลงในอัลบั้มที่เอ้ชวน 9 ศิลปินดังมาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวเบื้องหลังรอยยิ้มของแต่ละคนอาทิ เพลง “Better Than” โดย OG BOBBY กับคอนเซ็ปต์ความเชื่อว่ากูจะต้องยอดเยี่ยมกว่าใคร และสิ่งนี้คือเป็นแรงผลักดัน , เพลง “แบกเสาขึ้นฟ้า” ของคู่เพื่อนซี้ โมส&จ๋าย ไททศมิตร ที่นำเอาการเปรียบการขึ้นเขาพระสุเมรุว่ากว่าจะไปถึงความฝันของตัวเอง ก็ยังแบกความหวังและความฝันของแฟนเพลงขึ้นหลังมาด้วย , เพลง “Back to Life” ของหนุ่ม NAP THE NAP ที่นำเอาเรื่องราวความรักครั้งใหม่ที่เหมือนเป็นแสงสว่างในใจทำให้อยากกลับมาร้องเพลงรักอีกครั้ง, เพลง “PUSH BACK” ของ พลอยชมพู ที่นำเอาความผิดหวังในชีวิตจริงมาเป็นแรงผลักดันให้ลุกขึ้นสู้ต่อ , เพลง “Crush” จากการคอลแลปส์ของ F.Hero & Scott Kozdra มาประชดประชันพูดถึงกลุ่มคนที่ชอบทำตัวเป็นพิษบนโลกโซเชี่ยล , เพลงสุดจี๊ด “เสี่ยวอีสาน” โดยดีว่าลูกทุ่งตัวแม่เมืองย่าโม สุนารี ราชสีมา เล่าเรื่องการถูกบูลลี่ว่ารูปร่างหน้าตาขี้เหร่เป็นเสี่ยวอีสานมาเป็นนักร้อง และปิดท้ายด้วยเพลง “พื้นที่ปลอดภัย” จาก ยังโอม กับเรื่องที่คนถูกตัดสินกันแบบง่ายๆในยุคของโซเชี่ยลมีเดีย โดยไม่ต้องนึกถึงความรู้สึกของใคร มาถ่ายทอดเรื่องราวอัลบั้มนี้ทั้งหมดในมิวสิกวีดีโอเพลงนี้ โดย “เอ้ BOTCASH” เผยว่า
“รู้สึกตื่นเต้นมาก ในอัลบั้มนี้คนฟังจะได้ฟังเพลงเล่าเรื่องราวต่างๆ ผ่านเสียงเพลง EDM ในรูปแบบของ BOTCASH และเล่าเรื่องราวที่บางเรื่องเป็นเรื่องเฉพาะตัวของศิลปินที่อยู่ในใจเค้าและเค้าไม่เคยเล่าให้ใครฟัง มันถูกเอามาถ่ายทอดลงในอัลบั้มนี้ เพื่อสื่อสารข้อความให้รู้ว่าเบื้องหลังรอยยิ้มของ คนทุกคน มันไม่ได้เหมือนกัน และมันไม่ได้สวยงามเหมือนรอยยิ้มที่คุณได้เห็น รอยยิ้มที่คุณได้เห็นคุณอาจจะรู้สึกว่า ทำไมเค้าอารมณ์ดี ทำไมเค้าถึงมีความสุขกับการได้ทำสิ่งที่ตัวเองรัก แต่ว่าจริงๆ แล้วเบื้องหลังอาจจะไม่ได้สวยหรู เหมือนรอยยิ้มที่คุณเห็นก็ได้ครับ”
“สำหรับตัวมิวสิกวีดีโอ ตื่นเต้นไม่แพ้กัน ตอนแรกยังไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นมาก แต่พอเห็นภาพที่อยู่ในมิวสิกวีดีโอวีดีโอ เห็นโปรดั่กชั่นยิ่งตื่นเต้นหนักเข้าไปอีก เพราะว่าตอนผมสร้างทุกเพลงในอัลบั้มนี้ผมตั้งใจให้มันเป็นเพลงที่เล่าเรื่องราวหมดเลย ซึ่งในเอ็มวีเดี่ยวแต่ละเพลงก็จะเล่าเรื่องของตัวเองไม่เกี่ยวข้องกัน แต่พอเอาทุกเพลงมารวมกัน มันก็จะเล่าเป็นเรื่องใหญ่อีกหนึ่งเรื่อง เราจึงจะได้เห็นโชว์ใหญ่ที่เอ้จะแสดงเพลงในอัลบั้มทั้งหมด 1 ตัว และได้ดูเอ็มวีแยกเดี่ยวอีก 7 ตัว เพื่อให้มันส์ถึงอรรถรสที่สุดครับผม
วันถ่ายทำสนุกมากๆ เพราะว่าผมไม่เคยได้ร่วมงานกับศิลปินเยอะขนาดนี้ในทีเดียว ดีใจที่ทุกคนมาช่วยซัพพอร์ตและช่วยร้องเพลงที่ผมโปรดิวซ์ขึ้นด้วย ดีใจที่ได้เห็นผลงานของตัวเองผ่านทั้งออเคสตร้า 30 คน ,นักดนตรีไทยอีก 15 คน และผ่านศิลปินอีก 9 คน แล้วเอ้ก็ได้เพอร์ฟอร์มในสิ่งที่เอ้แต่งมาอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเปียโน คีย์บอร์ด กีตาร์ การดีเจหรือการเล่นอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ต่างๆครับผม มันก็เลยสนุกมากๆ เพราะวันนั้นได้ทำแต่ในสิ่งที่ตัวเองชอบครับ ตัวเอ้เองเชื่อว่าหลายๆคนมีเบื้องหลังรอยยิ้ม หรือ สิ่งเล็กๆที่จะทำให้มีความสุขได้นั้นไม่เหมือนกัน ก็ไม่ต่างอะไรกับศิลปินทุกคนในอัลบั้มนี้ หากคุณเป็นผู้ถูกกระทำจนบอบช้ำทางจิตใจ … พวกเราคือเพื่อนกัน ในวันที่คุณต้องการกำลังใจจะสู้ต่อ ขอให้ผมและ อัลบั้ม Behind the smile อยู่เป็นเพื่อนใกล้ๆคุณนะครับ”
ติดตามความข่าวสารและความเคลื่อนไหวของอัลบั้มแรก “BEHIND THE SMILE” จากการโปรดิวซ์ของ “เอ้ BOTCASH” ได้ที่ Facebook: BOTCASH , TikTok: BOTCASH , YouTube: BOTCASH , IG: Botcashofficial , Music Streaming: BOTCASH
#BOTCASH #BehidetheSMILE
Link mv behind the smile (ออน 21 ก.ย. 2565 เวลา 18.00น.) https://www.youtube.com/watch?v=2pzyV6NKCnw
ที่มาของแต่ละเพลงในอัลบั้ม BEHIND THE SMILE
1. “Better Than” ศิลปิน OG BOBBY
เพลงที่เป็น Behind The SMILE ของ ศิลปิน OG BOBBY แร๊ปเปอร์ ไทยคลื่นลูกใหม่ ที่กำลังมีผลงานในระดับนานาชาติ เบื้องหลังรอยยิ้มของเขาคือตัวของเขาเองที่อดทน ฝึกซ้อมและต่อสู้กับความผิดหวัง โดดเดี่ยวเพื่อสร้างความสุขและความสำเร็จของตัวเอง “ ตัวกูของกู ” โดยมีความเชื่อว่ากูจะต้องยอดเยี่ยมกว่าใคร และสิ่งนี้เป็นแรงผลักดันให้ตัว OG BOBBY เป็น OG BOBBY ในแบบทุกวันนี้ ซึ่งไม่ต่างจาก BOTCASH ที่สู้มาจากเบื้องหลังจนฝ่าฟันมาถึงเบื้องหน้าได้
2. “แบกเสาขึ้นฟ้า” ศิลปิน โมส&จ๋าย ไททศมิตร
เกิดจากการที่ BOTCASH ได้พูดคุยกับ โมสและจ๋าย ไททศมิตรว่า กว่าจะได้ทำสิ่งที่รักแบบนี้เราสู้กันยิบตาเลยนะ แต่ก็มีหลายคนที่เขาไม่รู้ว่ามันยากเย็นแค่ไหน ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจหรือเสียสละอะไรไปแค่ไหน โมส จึงนำ เขาพระสุเมรุ ในตำนานตั้งขึ้นมาเพื่อเปรียบเทียบว่านั่นคือปลายทางที่สวยงามมากๆแต่ก็แสนจะยากเย็นกว่าจะไปถึง แต่ในขณะที่กำลังปีนขึ้นไปเพื่อไปให้ถึงความฝันของตัวเอง ก็ยังแบกความหวังและความฝันของแฟนเพลงขึ้นหลังมาด้วย เมื่อเอาเรื่องราวของ BOTCASH และ Taitosmith มารวมกัน เพลง “แบกเสาขึ้นฟ้า” จึงได้เกิดขึ้นมา
3. “Back to Life” ศิลปิน NAP THE NAP
กับการ Come Back สู่วงการเพลงของ แน็ป ( อดีต Retrospect ) ในชื่อ NAP The NAP ซึ่งเคยเป็นถึง Rockstar ของเมืองไทยในฐานะนักร้องนำวง Retrospect แต่วันหนึ่งเขาก็เดินออกจากสิ่งนั้นไป เพราะนั่นไม่ใช่ความสุข ไม่ใช่รอยยิ้มของเขาอีกต่อไป ถึงแม้แฟนเพลงจะคิดถึงและเรียกร้องให้เขากลับมาแค่ไหน แต่เขาก็ไม่สนใจและปล่อยให้ตัวเองจมลงสู่ความมืดมิด จมลงไปสู่ความซึมเศร้าและเคยแม้กระทั่งคิดอยากจะตายไปซะให้พ้นๆ เวลาที่แสนทรมานผ่านไปช้าๆหลายปี จนในที่สุดเขาก็ได้เจอแสงสว่างอีกครั้งจากความรักครั้งใหม่ ซึ่งเป็นเหมือนแสงสว่างในใจทำให้เขาอยากกลับมาร้องเพลงรักอีกครั้ง เมื่อเอ้ได้มีโอกาสพูดคุยและสัมผัสความรู้สึกของแน็ปได้ จึงได้ชักชวน แน็ป ให้ comeback ในอัลบัมนี้และขอนำเรื่องราวนี้มาเล่าในรูปแบบเพลงของ BOTCASH
4. “PUSH BACK” ศิลปิน Jannine (พลอยชมพู) Weigel
เพลงที่บอกเล่าเรื่องราวจุดตกต่ำที่สุดในชีวิต ถูกแย่งชิงเอาความหวังของวัยรุ่นที่เพิ่งย่างเข้าสู่อายุ 20 ไป ด้วยข้อตกลงสัญญากับค่ายเพลงที่ไม่เป็นไปตามข้อตกลง สูญเสียเกือบหมดเคยแม้กระทั่งไม่มีเงินค่ารถไปทำงาน แต่สิ่งที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้อดทนต่อไปไม่ได้อีกต่อไปคือ เธอไม่สามารถทำในสิ่งที่ตัวเองรักได้ นั่นคือ “การร้องเพลง” เธอจึงต้องลุกขึ้นสู้กลับ “ PUSH BACK“ คนที่ทำร้ายเธอ เพื่อให้ได้รอยยิ้มจากการร้องเพลงและสร้างผลงานเพลงของเธอกลับมา หลังจากที่ BOTCASH ทราบเรื่องราวนี้จึงได้ขอพลอยชมพูเอาไปแต่งเป็นเพลงเพราะนอกจากจะเป็นเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนได้มากมายแล้ว ตัว BOTCASH เองก็ได้กำลังใจจากการแต่งเพลงนี้เช่นกัน
5. Crush ศิลปิน F.Hero & Scott Kozdra
เพลงประชดประชันที่พูดถึงกลุ่มคนที่ชอบทำตัว toxic บนโลก Social เช่น บอกว่าไม่ชอบเรา ไม่สนใจเรา แต่ตามไปด่าในผลงาน ตามไปดู Story ว่าทำอะไร คอยตามเป็นนักสืบ เพื่อรอให้ล้มจะได้เหยียบ ตามไปทุกที่แต่ปากบอกว่าเกลียด เราจึงตั้งคำถามว่า เอ๊ะ… หรือว่าแท้จริงแล้วเขาตกหลุมรักเรากันแน่นะ? เพลงนี้ได้ Scott Kozdra ซึ่งเป็น Youtuber และ Tiktoker จาก อเมริกา มาร้องในท่อนฮุคสวยๆ สื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้เข้าใจเพลงได้ในแบบสากลและเสริมพลังด้วย Rap อันเดือดดาลจาก F.HERO ที่สาดกระสุนใส่พวก Haters แบบไม่ยั้ง บนเพลงที่ BOTCASH ได้นำทำนองจากเพลงคลาสสิคยอดฮิต Fur Elise มา Produce ใหม่ ผสมดนตรีไทยและ EDM เข้าไปจนเพลงลุกเป็นไฟ
6. “เสี่ยวอีสาน” ศิลปิน สุนารี ราชสีมา
DIVA เพลงลูกทุ่ง ที่เคยพูดว่าหมดไฟในการร้องเพลงไปแล้วจะกลับมาโชว์พลังเสียงในแบบนี้ สุนารี เองก็บอกว่า เกิดมายังไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย โดยจะนำการร้อง เพลงโคราช แบบแท้ๆ ขึ้นมาผสมผสานกับดนตรีสมัยใหม่และดีไซน์ร้องกึ่งแร็ปที่เธอไม่เคยร้องแบบนี้ที่ไหนมาก่อน เพื่อสืบสานตำนานให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จัก รวมถึงยังเซอร์ไพรส์คนฟังที่จะได้ฟัง “สุนารี” ร้องเพลงในสไตล์ใหม่ และเรื่องราวก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อ BOTCASH ถาม สุนารีว่า เบื้องหลังรอยยิ้มของ สุนารี คืออะไร จึงได้พบว่ามันคือการถูก Bully ว่ารูปร่างหน้าตาแบบนี้ ขี้เหร่เป็นเสี่ยวอีสาน ซึ่งสมัยก่อนเป็นคำดูถูกที่แรงมาก ถ่มถุยใส่เธอว่าเป็นนักร้องไม่ได้หรอก แต่เธอกลับไม่สนใจ และมุ่งมั่น ทำในสิ่งที่รัก จนประสบความสำเร็จมาสู่จุดสูงสุดของนักร้องลูกทุ่งไทยได้ BOTCASH จึงนำมาเล่าเป็นเพลงพร้อมกับผสมผสานสิ่งใหม่กับสิ่งเก่าเข้าหากัน โดยหวังจะบอกให้ทุกคนได้รู้ว่า สุนารี ตำนานที่น่าเคารพคนนี้ มีจุดเริ่มต้นจาก “เสี่ยวอีสาน”
7 “พื้นที่ปลอดภัย” ศิลปิน ยังโอม
กลางดึกคืนหนึ่งที่ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ BOTCASH ได้มีโอกาสไปทำงานกับ ยังโอม พวกเขาจึงได้มีโอกาสพูดคุยกันถึงเรื่องราวส่วนตัวมากมายและมีหลายเรื่องที่ทั้งสองคนพบเจอมาเหมือนๆกัน จนในที่สุดก็เกิดไอเดียว่าเพลงปิดท้ายอัลบั้มควรจะเป็นเพลงที่เหมือนเป็นบทสรุปเรื่องราวของอัลบั้ม Behind The smile และตัดสินใจในคืนนั้นเพื่อชวน ยังโอม เข้าร่วมอัลบั้มเป็นคนสุดท้าย ในยุคของ social media ยุคที่เราถูกตัดสินกันแบบง่ายๆ เพราะทุกคนสามารถพูดอะไรก็ได้ ตัดสินใครยังไงก็ได้ โดยไม่ต้องนึกถึงความรู้สึก ไม่ต้องพิสูจน์ว่าความจริงคืออะไร โดยเฉพาะศิลปิน ดารา คนดัง influencer ที่มักจะถูกตัดสินจากความรู้สึก รัก ชอบ เกลียด การเป็นคนสาธารณะตรงนี้มันไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัย และโปรดอย่าลืมว่า “ถึงผมเป็นศิลปิน เป็นคนสาธารณะ แต่ผมก็เป็น คน ”