นายแมทธิว กิจโอธาน ประธานกรรมการวอลล์สตรีท อิงลิช ประเทศไทย กล่าวว่า “ปัจจุบันวอลล์สตรีท อิงลิช ทั่วโลกมีมากกว่า 400 สาขา ใน 28 ประเทศ ส่วนในประเทศไทย มี 15 สาขา ล่าสุดก็คือที่ เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชั้น 4 ที่เราทำการเปิดตัวไปอย่างเป็นทางการ และจะมีสาขาใหม่ที่เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะด้วยเช่นกัน ส่วนเป้าหมายภายใน 2 ปีนี้ ด้วยศักยภาพของวอลล์สตรีท อิงลิช นั้น เราสามารถขยายเพิ่มได้อย่างแน่นอนอีก 28 สาขา ซึ่งโดยสัดส่วนทางการตลาดแล้วเราจะเป็นที่ 1 อยู่ที่ 44% และภายในปี 2563 รายได้รวมทั้งหมดน่าจะอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท
เราเชื่อมั่นว่าการที่ใช้หลักสูตรการสอนที่ได้มาตรฐานระดับโลก และมีการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนที่ทันสมัย อยู่เสมอนั้น ก็ได้รับการพิสูจน์จากผู้ที่มาเรียนแล้วว่าได้ผลอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา คนรุ่นใหม่,กลุ่มนักศึกษาจบใหม่กำลังเข้าทำงาน,และกลุ่มพนักงานบริษัทต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมามีมากกว่า 3 ล้านคน ที่เข้ามาเรียนกับเราเพื่อพัฒนาศักยภาพด้านภาษาอังกฤษจากหลักสูตรเจ้าของภาษาและสามารถนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้าน นายโอฬาร พิรินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารวอลล์สตรีท อิงลิช ประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่วอลล์สตรีทอิงลิช เรามุ่งมั่นพัฒนาให้ที่นี่เป็นมากว่าสถาบันสอนภาษา เราสร้างให้ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้ภาษาอังกฤษอย่างมีสไตล์ มีการบูรณาการหลักสูตรโดยนำกิจกรรมอื่นๆ นอกจากหลักสูตรหลักมาเสริมสร้างให้ผู้เรียนได้เกิดทักษะการใช้ภาษามากยิ่งขึ้น อย่างเช่น การจับมือกับทาง BEC TERO Music Course ในกิจกรรม Music Festival ที่มีการเล่นดนตรี และร้องเพลงภาษาอังกฤษ ซึ่งมีการสอนออกเสียงที่ถูกต้องให้กับผู้เรียน หรือกิจกรรมล่าสุด คือ การเฟ้นหา Wall Street English Smart Gen 2019 ที่เราได้ร่วมกับทาง GMM Grammy เฟ้นหาคนรุ่นใหม่ ที่กล้าแสดงออก และกล้าใช้ภาษาอังกฤษในวัย 15-25 ปี ก็ได้รับการตอบรับจากน้องๆ เยาวชนกว่า 300 คน
นอกจากกิจกรรมต่างๆ แล้ว ในปีนี้ เรายังได้ พระเอกหนุ่ม เต-ตะวัน วิหครัตน์ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์คนล่าสุดให้กับวอลล์สตรีท อิงลิช ซึ่งตัวน้องเตเองถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ มีความกล้าใช้ภาษาอังกฤษ เราเห็นความมุ่งมั่นและความพยายามในการพัฒนาทักษาะด้านภาษาของน้องเต-ตะวัน ซึ่งถือว่ามีคุณสมบัติโดยรวม พร้อมที่จะมาเป็นสื่อกลางให้แบรนด์วอลล์สตรีท อิงลิช ในปีนี้ได้เป็นอย่างดี”